เทคนิคการถ่ายภาพ Bokeh
เทคนิคการถ่ายภาพ Bokeh


สวัสดีครับกลับมาพบกันอีกแล้ว ในที่สุดก็วนครบรอบมาจนถึงช่วงใกล้วันปีใหม่อีกจนได้ แน่นอนพูดถึงช่วงปีใหม่ก็ต้องนึกถึงดวงไฟระย้าที่ประดับประดากันเต็มท้องถนน คราวนี้แอดปิงกับทีมงานเวิลด์คาเมร่าก็เลยจะมานำเสนอเทคนิคการถ่ายภาพยังไงให้มีโบเก้(Bokeh)กันครับ แน่นอนก่อนอื่นก็ต้องขอเกริ่นก่อนเพื่อเพิ่มย่อหน้า(ฮาาาา) โบเก้(Bokeh)นั้นคืออะไร และมันมีประโยชน์ยังไง มาอ่านกันดูครับ


เราคงเคยเห็นภาพพอร์ทเทรต(Portrait)แบบที่มีฉากหลังละลายๆกันแล้วใช่ไหมครับ แต่ก็จะมีบางภาพที่ในฉากหลังที่ละลายๆนั้น มันจะมีจุดแสงกลมๆ หรือ เหลี่ยมๆ ปรากฏขึ้นมาให้เห็น นั่นล่ะครับโบเก้(Bokeh)ที่ว่าล่ะ โบเก้(Bokeh)ถ้าตามรากภาษาเดิมเลยแปลว่า “เบลอ” แต่ไม่ใช่การเบลอแบบทั่วๆไปนะครับ มันคือการเบลอแสงที่หลุดจากระยะโฟกัสทำให้เกิดสภาพเหมือนแสงระยิบระยับนั่นเอง แล้วการเบลอแสงแบบนี้มันมีประโยชน์ยังไง ก็มันประโยชน์ตรงที่จะทำให้ภาพของเราดูน่าสนใจขึ้นยังไงล่ะครับ ซึ่งปัจจัยที่จะทำให้ภาพเกิดเจ้าโบเก้(Bokeh)นี้ขึ้นมาก็มีดังต่อไปนี้


1.แสง แน่นอนโบเก้(Bokeh) คือการเบลอแสงไม่มีแสงก็ไม่มีโบเก้(Bokeh) แต่ไม่ใช่แสงแบบไหนก็ได้นะครับ ต้องเป็นแสงแบบที่มีแหล่งกำเนิดเป็นจุดๆ เท่านั้นครับ ยกตัวอย่างง่ายๆเลยก็คือ ช่องใบไม้ที่มีแสงลอดผ่าน หลอดไฟปิงปอง ใบไม้เล็กๆที่สะท้อนแสง หรือแม้กระทั่งไฟรถบนถนนตอนที่รถติดๆ


2.รูรับแสง ก็อย่างที่บอกนั่นล่ะครับมันคือการเบลอแสง ถ้าเราอยากถ่ายโบเก้ แต่ดันไปอัดรูรับแสงแคบๆ F11 ก็คงไม่ใช่(ฮาาาา) สำหรับการถ่ายภาพโบเก้นั้นรูรับแสงต้องกว้างครับ Fต่ำๆที่สุดเท่าที่จะต่ำได้ไปเลย ซึ่งมันจะมีผลทำให้โบเก้(Bokeh) มีขนาดใหญ่โต สวยงาม(แต่อย่าให้รูรับแสงกว้างไปนะครับเอาพอดีๆไม่งั้นไปถ่ายให้แฟนแล้วชัดแค่ครึ่งหน้า หรือชัดแค่จมูก จะบ้านแตกเสียเปล่าๆ แต่เอาเถอะถ่ายไงก็ไม่เคยถูกใจคุณเธออยู่แล้วล่ะนะ ฮาาาาา ^..^)


3.ระยะห่างระหว่างตัวแบบของเรากับฉากหลัง ตรงนี้ก็สำคัญนะครับต้องระวังกันเป็นพิเศษสักนิดนึง ตามที่เราๆทราบกันมาว่าระยะห่างระหว่างตัวแบบกับฉากหลังนั้นมีผลกับความเบลอของฉากหลัง ตามหลักการที่ว่าหากค่ารูรับแสงคงที่ระยะจากกล้องมาตัวแบบถ้าน้อยกว่าระยะจากตัวแบบไปฉากหลังก็จะทำให้เกิดการเบลอได้เช่นกัน ซึ่งแน่ล่ะ ถ้าเราเปิดรูรับแสงกว้างๆอยู่แล้ว ฉากหลังดันอยู่สุดปลายนาไปอีก ก็คงไม่พ้นเก็บรายละเอียดอะไรไม่ได้ ดังนั้นตรงนี้ต้องระวังครับ ยกเว้นกะว่าให้ตัวแบบเราเด่นสุดๆไปเลยก็ไม่ว่ากัน ละลายฉากหลังให้เบลอไปเลยก็ได้ แต่ถ้าอยากให้ฉากหลังยังพอมีรายละเอียดอยู่บ้างเพื่อให้รู้ว่าอยู่ที่ไหนก็ระวังเรื่องระยะห่างนี้นิดนึงครับ



เอาล่ะสำหรับหลักการกับปัจจัยที่ทำให้เกิดโบเก้เราน่าจะคุยกันพอแล้วครับ ทีนี้ก็มาถึงวิธีปฏิบัติจริงกันล่ะ ไปลุยกันเลยคร้าบบบ (^..^)


เทคนิคการถ่ายภาพยังไงให้มีโบเก้
1.ปรับเลือกโหมดถ่ายภาพไปที่โหมด M หรือ A/AV ตั้งค่า ISO ปรับไปที่ ISO ต่ำสุดที่กล้องของเราสามารถทำได้(อันนี้ในกรณีอยู่กลางแจ้งนะครับ ซึ่งถ้าหากอยู่ในร่มก็อาจจะต้องดัน ISO ให้สูงหน่อยเพื่อให้กล้องของเรามีความไวแสงมากขึ้นจะได้ไม่ถ่ายออกมามืดเกินไปครับ) ซึ่งการตั้งค่า ISO ให้ต่ำๆที่สุดเท่าที่จะทำได้ก็เพื่อไม่ให้ภาพมีจุดรบกวน(Noise) หรือมีจุดรบกวน(Noise)น้อยเพื่อให้ง่ายต่อการแก้ไขในภายหลัง อีกอย่างคือเนื่องจากมีแสงจากฉากหลังที่ค่อนข้างสว่างอยู่แล้วในระดับหนึ่งจึงไม่จำเป็นต้องใช้ ISO สูงๆครับ(แต่ก็ควรชดเชยแสงเผื่อหน่อยนะไม่งั้นนางแบบหน้าดำแย่เลย)


2. ตั้งค่ารูรับแสงให้กว้างๆ (ใช้Fต่ำๆ) เช่น F3.5, F2.8 แต่ต้องระวังอย่าให้ต่ำไปเพราะจะทำให้ระยะชัดลึกน้อยเกินกว่าจะเก็บรายละเอียดของตัวแบบได้ทั้งหมด แล้ววัดแสงให้ติดสว่างสักหน่อย


3. เลือกฉากหลังที่มีแหล่งกำเนิดแสงเป็นจุดๆอยู่ในฉากหลังโดยให้มีระยะห่างจากกล้องมาตัวแบบน้อยกว่าระยะจากตัวแบบไปฉากหลัง(พูดง่ายๆก็คือเอาฉากหลังไว้ไกลๆตัวแบบนั่นล่ะครับ ^..^) โดยฉากหลังที่นิยมเลือกกันส่วนมาก ก็จะเป็น ฉากหลังที่มีช่องใบไม้ที่แสงลอดผ่าน ฉากหลังที่มีหลอดไฟปิงปองห้อยเป็นระย้า หรือ ถนนตอนกลางคืนที่มีรถติด เป็นต้น จากนั้นก็จัดองค์ประกอบภาพให้สวยงามแล้วค่อยลั่นชัตเตอร์เก็บภาพ


ปล.โบเก้ที่ได้จากการใช้เลนส์เทเลซูมถ่ายจะมีดอกที่ใหญ่กว่าโบเก้ที่ได้จากเลนส์ฟิค


เอาล่ะครับจบไปอีกเทคนิคนึง หวังว่าบทความนี้จะมีประโยชน์สำหรับคนรักการถ่ายภาพไม่มากก็น้อย แล้วเจอกันใหม่บทความหน้าครับผม


ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น